หมอแนะข้อดีการผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off - Pump CABG)
ในอดีตการผ่าตัดบายพาสหัวใจเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันจำเป็นต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมมาช่วยในการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น ส่งผลให้เกิดการขาดออกซิเจน ขาดเลือด มีผลต่อระบบการทำงานของปอด ไต และสมอง เพราะฉะนั้นการผ่าตัดบายพาสหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off – Pump Coronary Artery Bypass Grafting) ในปัจจุบันที่ทำให้หัวใจไม่ต้องหยุดเต้นจึงไม่เพียงช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเมื่อหัวใจหยุดเต้น ยังช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีในเร็ววัน
ข้อดีของการผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้นคืออะไร
1) ลดอัตราการเสียชีวิต
การผ่าตัดบายพาสหัวใจโดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมนั้นจำเป็นต้องหยุดหัวใจเพื่อที่จะใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนแทนปอด จากนั้นใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมปั๊มเลือดเข้าไปเลี้ยงร่างกาย ส่งผลให้ความดันโลหิตไม่เป็นไปตามปกติ จากที่ประมาณ 120/70 อาจจะอยู่ที่ประมาณ 60 – 65 เท่านั้น ดังนั้นในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ในช่วงที่ทำการผ่าตัดบายพาสหากความดันโลหิตค่อนข้างต่ำอาจส่งผลต่อระบบการหมุนเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ยิ่งในผู้สูงวัยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบและเคยป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ การผ่าตัดบายพาสหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off – Pump CABG) นั้นเป็นผลดีต่อการรักษาอย่างมากและยังช่วยลดโอกาสไตวายและการล้างไตในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่หัวใจบีบตัวไม่ค่อยดี
2) เสียเลือดน้อย
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบายพาสแบบหัวใจหยุดเต้น (On – Pump CABG) หรือการผ่าตัดบายพาสแบบหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG) จำเป็นจะต้องให้ยาละลายลิ่มเลือดขณะผ่าตัด (Heparin) ซึ่งหากทำการผ่าตัดแบบ Off – Pump CABG ที่ไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมจะใช้ยาละลายลิ่มเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบ On – Pump CABG ที่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมถึง 3 เท่า และทำให้เสียเลือดน้อยกว่าถึง 70% และไม่ต้องให้เลือดเพิ่มขณะผ่าตัด
3) ฟื้นตัวเร็ว
เนื่องจากการผ่าตัดบายพาสด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG) ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจึงมีน้อยกว่ามาก เพราะหากเป็นการผ่าตัดบายพาสแบบหัวใจหยุดเต้น (On – Pump CABG) ที่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมจะมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบทั่วร่างกาย เนื่องจากเลือดผ่านเครื่องปอดหัวใจเทียมเพื่อเพิ่มออกซิเจนแล้วกลับไปในตัวผู้ป่วยอีกครั้ง เลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด รวมถึงการฟื้นตัวและการทำงานของหัวใจอาจลดลงหลังผ่าตัด ดังนั้นหากผ่าตัดแบบ Off – Pump CABG ที่ไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้หมดไป และสามารถนำเครื่องช่วยหายใจออกจากผู้ป่วยได้ทันทีหลังจากผ่าตัดถึง 80% ในขณะที่การผ่าตัดแบบ On – Pump CABG ผู้ป่วยจะต้องใส่เครื่องช่วยหายใจหลังผ่าตัดอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง การนำเครื่องช่วยหายใจออกได้เร็วช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้ออื่น ๆ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะอวัยวะต่าง ๆ ทำงานตามปกติ กลับไปใช้ชีวิตได้เร็วยิ่งขึ้น
การผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG) ในระยะยาวนั้นผลการรักษาไม่แตกต่างกับการผ่าตัดหัวใจแบบหัวใจหยุดเต้น (On – Pump CABG) โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ การผ่าตัดรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการที่มากด้วยประสบการณ์และโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือในการรักษาแบบครบองค์รวม
แพทย์ที่ชำนาญการผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG)
นพ.วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก ชำนาญด้านการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ซ่อมและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
โรงพยาบาลที่ชำนาญการผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG)
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ พร้อมให้การผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โดยใช้เทคนิคการผ่าตัดบายพาสหัวใจด้วยเทคนิคหัวใจไม่หยุดเต้น (Off – Pump CABG) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ